รายวิชา ประวัติศาศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 คุณครูผู้สอน ครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มมนุษย์ในยุคแรก


ประวัติศาสตร์โลก

ยุคก่อนประวัติศาสตร์หรือยุคหินเก่า


แผนที่เหตุการณ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
แผนที่ลำดับเหตุการณ์โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์
แผนที่โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์
แผนที่โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึง 2,500 ปี ก่อน ค.ศ.
แผนที่ลำดับเหตุการณ์โลก
ลำดับเหตุการณ์โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแหล่งกำเนิดมนุษย์
        ข้อมูลที่เขียนเปิดหน้าต่างไปสู่อดีตอันไกลโพ้น เป็นเวลาหลายพันปี ผู้คนได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อ กิจกรรมและเหตุการณ์สำคัญ  อย่างไรก็ตาม ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ย้อนไปถึงเวลาก่อนที่จะมีการประดิษฐ์อักษรสำหรับเขียน  ประมาณอย่างคร่าว ๆ ก็ 5,000 ปีที่ผ่านมา เมื่อไม่มีการเขียนบันทึกไว้ นักวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์การใช้ชีวิตของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์จะเผชิญกับการท้าทายเป็นพิเศษ

เบาะแสทางวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี คือ นักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษให้ทำงานคล้ายกับนักสืบเพื่อเปิดเผยเรื่องราวของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ พวกเขาศึกษามนุษย์ยุคแรกโดยการขุดค้นและศึกษาร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคแรก สถานที่ขุดค้น ซึ่งเรียกว่าการขุดค้นทางโบราณคดี จะให้แหล่งเบาะแสการดำเนินชีวิตของมนุษย์ยุคก่อนประวัติสมบูรณ์ที่สุด นักโบราณคดีจะเอาตะแกรงร่อนกองดินออกเป็นกองเล็ก ๆ แล้ววิเคราะห์หลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ เช่นกระดูกและสิ่งประดิษฐ์ กระดูกอาจจะเผยให้เห็นว่า มนุษย์เหมือนอะไร ยืนตัวตรงได้อย่างไร รับประทานอาหารชนิดใด มีโรคภัยไข้เจ็บชนิดใด และมีอายุยืนได้อย่างไร  สิ่งประดิษฐ์ คือ วัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เครื่องมือและเครื่องประดับ สิ่งเหล่านี้อาจจะแสดงให้เห็นว่าผู้คนแต่งตัวแบบไหน ทำงานอะไร และเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์ที่เรียกกันว่า นักมานุษยวิทยาจะศึกษาวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตที่ไม่ซ้ำกันของผู้คน นักมานุษยวิทยาจะตรวจสอบโบราณวัตถุที่ขุดค้นทางโบราณคดี จากนี้ไปพวกเขาจะสร้างภาพพฤติกรรมทางวัฒนธรรมของมนุษย์ยุคแรกขึ้นมาใหม่

นักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ที่เรียกว่า ผู้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์หรือซากฟอสซิล (Paleontologist - ศัพท์ทางการเรียกว่า นักบรรพชีวินวิทยา) จะศึกษาซากฟอสซิล ซึ่งเป็นหลักฐานของสิ่งมีชีวิตยุคแรกที่ติดอยู่ในหิน ซากฟอสซิลของมนุษย์มักจะประกอบด้วยชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของฟัน กะโหลกศีรษะหรือกระดูกอื่น ๆ นักบรรพชีวินวิทยาจะใช้เทคนิคที่สลับซับซ้อนในการนับอายุซากฟอสซิลโบราณและก้อนหิน นักโบราณคดี นักมานุษยวิทยา นักบรรพชีวินวิทยา และนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ จะทำงานเป็นทีมในการค้นหาสิ่งใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิธีการการดำเนินชีวิตของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์

ค้นพบรอยเท้ายุคแรก ในคริสต์ทศวรรษที่ 1970 นักโบราณคดี ชื่อ แมรี ลีคกี นำคณะเดินทางสำรวจทางวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคแลโทลี (Laetoli) ในประเทศแทนซาเนียในแอฟริกาตะวันออก  ณ ที่นั่นเธอและทีมงานของเธอค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์ ในปี ค.ศ.  1978  พวกเขาพบรอยเท้ายุคก่อนประวัติศาสตร์ที่คล้ายกับรอยเท้ามนุษย์สมัยใหม่ที่ติดอยู่ในเถ้าภูเขาไฟ รอยเท้าเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยสัตว์ที่คล้ายมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกว่า ออสตราโลพิเทคัส (australopithecines) มนุษย์และ สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่เดินตัวตรง เช่น australopithecines จะเรียกว่ามนุษย์ hominids รอยเท้าที่แลโทลีให้หลักฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์ที่น่าประทับใจ

การค้นพบ ลูซี ในขณะที่แมรี ลีกคีกำลังทำงานอยู่ในแอฟริกาตะวันออก นักมานุษยวิทยาสหรัฐอเมริกาชื่อ โดนัลด์ จอห์นสัน (Donald Johnson) และทีมงานก็กำลังค้นพบซากฟอสซิลเช่นกัน พวกเขากำลังสำรวจสถานที่ในเอธิโอเปีย ประมาณ 1,000 ไมล์ไปทางทิศเหนือ ใน ค.ศ. 1974 ทีมงานของจอห์สันทำการค้นพบอย่างน่าทึ่งคือค้นพบโครงกระดูกของ มนุษย์ hominid เป็นผู้ใหญ่เพศหญิงที่สมบูรณ์ผิดปกติ พวกเขาเรียกว่า "ลูซี (Lucy)" ตามชื่อเพลง Lucy in the Sky with Diamonds”  ลูซีมีชีวิตอยู่ประมาณ 3.5 ล้านปีที่ผ่านมา เป็นมนุษย์ hominid ที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบจนถึงยุคนั้น
ลูซี
ซากฟอสซิล "ลูซี" ที่โอนัลด์  จอห์สันและทีมงานค้นพบใน ค.ศ.1974


ผู้สร้างประวัติศาสตร์
 

ครอบครัวลีคกี
          ครอบครัวลีคกีมีผลสะท้อนอย่างมากต่อการศึกษาต้นกำเนิดของมนุษย์ นักมานุษยวิทยาชาวอังกฤษสองสามีภรรยา หลุยส์ เอสบี ลีคกี (Louis S.B Leakey - มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1903-1972) และแมรี  ลีคกี (Mary  Leakey - มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1913-1996) เริ่มค้นหาซากมนุษย์ยุคแรกในแอฟริกาตะวันออกในคริสต์ทศวรรษที่ 1930 ความพยายามของพวกเขาไขสิ่งที่เป็นงานอดิเรกของวิทยาศาสตร์เข้าไปสู่ขอบเขตที่สำคัญของวิทยาศาสตร์ แมรีกลายเป็นนักล่าซากฟอสซิลของมนุษย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก
         ลูกชายของพวกเขา คือ ริชาร์ด ภรรยาของริชาร์ด ชื่อ มาอีฟ (Maeve) และลูกสาวของริชาร์ดและมาอีฟชื่อหลุยส์ก็ดำเนินการล่าซากฟอสซิลตามครอบครัวในแอฟริกาตะวันออก ในศตวรรษที่ 21

มนุษย์ Huminid เดินตัวตรง ลูซีและมนุษย์ hominids ที่ทิ้งรอยเท้าไว้ในแอฟริกาตะวันออกเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ australopithecines การเดินตัวตรงช่วยให้พวกเขาเดินทางไกลได้อย่างง่ายดายมากขึ้น พวกเขายังสามารถขับไล่สัตว์ที่อันตรายและนำอาหารและเด็กติดตัวไปได้ด้วย
มนุษย์ hominids ยุคแรกเหล่านี้ มีการพัฒนานิ้วหัวแม่มือที่สามารถพับงอเข้ามาหาอุ้งมือได้เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าปลายนิ้วหัวแม่มือสามารถพับงอเข้าหาฝ่ามือได้ นิ้วหัวแม่มือที่สามารถพับงอเข้าหาฝ่ามือได้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับงานต่าง ๆ เช่น การหยิบวัตถุขนาดเล็กและการทำเครื่องมือ การประดิษฐ์ของเครื่องมือ การเรียนรู้การใช้ไฟและการพัฒนาภาษา เป็นความสำเร็จประการหนึ่งที่น่าประทับใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า ยุคหิน ประเมินระยะเวลาแล้วยาวนานมาก ยุคหินตอนต้นและต่อมาเรื่อย ๆ เรียกว่า ยุคหินเก่าหรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุตั้งแต่ประมาณ 2.5 ล้านปีถึง 8,000 ก่อน คริสต์ศักราช เครื่องมือสำหรับสับตัดเป็นหินที่เก่าแก่ที่สุดกำเนิดขึ้นในยุคนี้ ยุคหินใหม่หรือ  Neolithic Age  เริ่มประมาณ 8,000 ก่อนคริสต์ศักราช และสิ้นสุดเมื่อช่วงต้น 3,000 ปี ก่อนคริสต์ราชในบางพื้นที่ ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในระยะที่สองของยุคหินนี้มีการเรียนรู้ในการเจียระไนเครื่องมือหิน  ทำเครื่องปั้นดินเผาปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์

มนุษย์โฮโม แฮบิลิส (Homo Habilis) อาจจะใช้เครื่องมือ  ในที่สุดก่อนที่มนุษย์ออสตราโลพิเธคัส (australopithecines) จะสูญพันธุ์ไป มนุษย์โฮมินิด (hominids-วงศ์ลิงใหญ่) สายพันธุ์ใหม่ก็ปรากฏขึ้นในแอฟริกาตะวันออกประมาณ 2.5 ล้านปีที่ผ่านมา ในคริสต์ศักราช 1960 นักโบราณคดีชาวอังกฤษสองสามีภรรยา ชื่อ หลุยส์ เอส บี ลีกคีและแมรี ลีกคีค้นพบฟอสซิลมนุษย์ hominid ที่ช่องแคบ (Olduvai Gorge) ในภาคเหนือของประเทศแทนซาเนีย และตั้งชื่อฟอสซิลนั้นว่า Homo habilis ซึ่งหมายความว่า "มนุษย์ที่มีความสามารถ”  สองสามีภรรยาและนักวิจัยอื่น ๆ พบเครื่องมือที่ทำจากหินลาวา พวกเขาเชื่อว่ามนุษย์ Homo habilis ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการสับเนื้อสัตว์และกะเทาะกระดูกออกมา เครื่องมือทำให้ภารกิจในการอยู่รอดง่ายขึ้น

มนุษย์โฮโม อีเร็กตัส (Homo eructus) พัฒนาเทคโนโลยี ประมาณ 1.6 ล้านปีที่ผ่านมาก่อนที่จะมนุษย์ Hom habilis จะสูญพันธุ์ มนุษย์ hominids สายพันธุ์อีกชนิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในแอฟริกาตะวันออก สายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันตอนนี้ว่า Homo eructus หรือ "มนุษย์ผู้ยืนตัวตรง" นักมานุษยวิทยาบางคนเชื่อว่า Homo erectus เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดและปรับตัวได้ดีกว่า Homo habilis มนุษย์ homo erectus ใช้ปัญญาในการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นวิธีการใช้ความรู้เครื่องมือและสิ่งประดิษฐ์เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา มนุษย์ hominids เหล่านี้ค่อย ๆ กลายเป็นนักล่าที่มีความชำนาญและคิดค้นเครื่องมือที่ทันสมัย​​มากขึ้นสำหรับการขุด การทำให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและตัด ในที่สุด พวกเขาก็กลายมนุษย์ hominids พวกแรกที่อพยพจากแอฟริกา ฟอสซิลและเครื่องมือหินแสดงให้เห็นว่า พวกนักล่า Homo erectus ได้ตั้งรกรากอยู่ในประเทศอินเดีย จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป
ตามความคิดเห็นของนักมานุษยวิทยา มนุษย์ Homo erectus เป็นพวกแรกที่ใช้ไฟ ไฟให้ความอบอุ่นในสภาพอากาศเย็น ปรุงอาหารให้สุกและขับไล่สัตว์ที่จะเข้ามาทำร้าย การรู้จักใช้ไฟยังอาจช่วยมนุษย์ Homo erectus ก่อตั้งดินแดนใหม่ มนุษย์ homo erectus อาจจะเริ่มต้นพัฒนาภาษาพูด ภาษา คือ เทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์ Homo erectus ควบคุมสภาพแวดล้อมได้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการอยู่รอด การทำงานเป็นทีมจำเป็นในการวางแผนการล่าสัตว์และการให้ความร่วมมือในงานอื่น ๆ บางทีก็ใช้ภาษา มนุษย์ homo erectus อาจจะมีการตั้งชื่อวัตถุ สถานที่ สัตว์และพืชและการแลกเปลี่ยนความคิด
กำเนิดมนุษย์สมัยใหม่
          นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าในที่สุดมนุษย์ Homo erectus ก็พัฒนาเป็นมนุษย์ Homo sapiens ซึ่งเป็นสายพันธุ์มนุษย์สมัยใหม่ homo sapiens แปลว่า "คนฉลาด หรือ ผู้รู้" ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาคล้ายกับมนุษย์ Homo erectus แต่มนุษย์ Homo sapiens มีสมองขนาดใหญ่มากกว่า
ตามปกติแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้จัดมนุษย์นีแอนเดอร์ธาล (Neanderthals) และมนุษย์โครมายอง Cro-Magnons ไว้ในกลุ่มมนุษย์ Homo sapiens ยุคแรก แต่ในปี 1997 การทดสอบดีเอ็นเอ (DNA) โครงกระดูกมนุษย์ Neanderthals ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ Neanderthals ไม่ได้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์สมัยใหม่ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากการปรากฏขึ้นของมนุษย์โครมายองที่อาจจะมาแข่งขันกันแย่งที่ดินและอาหาร

วิธีชีวิตของมนุษย์ Neanderthals  ในคริสต์ศักราช 1856 ในขณะที่คนงานเหมืองหินกำลังขุดหินปูนในหุบเขานีอันเดอร์ (Neander Valley) ในเยอรมนี พวกเขาพบเศษกระดูกฟอสซิล กระดูกฟอสซิลเหล่านี้เป็นซากของมนุษย์ Neanderthals ซี่งพบกระดูกในที่อื่น ๆ ในยุโรปและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งแรง พวกเขามีขนคิ้วหนาลาดเอียง กล้ามเนื้อมีการพัฒนาเป็นอย่างดีและมีกระดูกหนา การค้นพบทางโบราณคดีแสดงให้เห็นภาพที่สมจริงมากขึ้นของมนุษย์ hominids ยุคแรกเหล่านี้ที่มีชีวิตอยู่ระหว่าง 200,000 และ 30,000 ปีที่ผ่านมา
มนุษย์ Neanderthals  ได้พัฒนาความเชื่อทางศาสนาและการทำพิธีกรรม ประมาณ 60,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ Neanderthals  ได้จัดงานศพให้มนุษย์ในถ้ำชานิดาร์ (Shanidar Cave) ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิรัก นักโบราณคดีบางพวก สร้างทฤษฎีว่า ในช่วงงานศพครอบครัวของมนุษย์ Neanderthals  ได้คลุมร่างกายของเขาด้วยดอกไม้ งานศพนี้ชี้ให้เห็นความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตาย นักล่าฟอสซิล ชื่อ ริชาร์ด ลีกคี (Richard Leakey) ลูกชายของหลุยส์และแมรี ลีกคี ได้เขียนเกี่ยวกับความหมายของการฝังศพของมนุษย์ Neanderthals ไว้ดังนี้:
เหตุการณ์ที่ถ้ำชานิดาร์. . . กล่าวถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อคุณภาพทางจิตวิญญาณของชีวิตอย่างชัดเจน ความกังวลในชะตากรรมของวิญญาณมนุษย์เป็นสากลในสังคมมนุษย์ในทุกวันนี้และก็เห็นได้ชัดว่ารูปแบบของสังคมของมนุษย์ Neanderthals ก็เหมือนกับสังคมปัจจุบัน
มนุษย์ Neanderthals มีสติปัญญาดี สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี จึงมีชีวิตอยู่รอดได้ในฤดูหนาวจัดในยุคน้ำแข็ง โดยการอาศัยอยู่ในถ้ำหรือที่กำบังชั่วคราวที่ทำจากไม้และหนังสัตว์ กระดูกสัตว์ที่พบกับซากฟอสซิลของมนุษย์ Neanderthals แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความสามารถในการล่าสัตว์ในภูมิภาคใกล้ขั้วโลกเหนือในยุโรป ทำหินเป็นคม ทำเครื่องขูดและเครื่องมืออื่น ๆ สำหรับหั่นและถลกหนังสัตว์ มนุษย์ Neanderthals มีชีวิตอยู่เป็นเวลาประมาณ 170,000 ปี และหายสาบสูญไปเมื่อประมาณ 30,000 ปีผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย 

มนุษย์โครมายอง  (Cro-Magnons)  ประมาณ 40,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า โครมายอง ก็ปรากฏขึ้น ซากโครงกระดูกของมนุษย์โครมายองเหมือนกับมนุษย์สมัยใหม่ เป็นไปได้ว่ามนุษย์โครมายองแข็งแรงและโดยทั่วไปสูงประมาณ 5 ฟุตครึ่ง มนุษย์โครมายองได้อพยพจากแอฟริกาตอนเหนือไปยังยุโรปและเอเชีย          มนุษย์โครมายองได้สร้างเครื่องมือใหม่ ๆ มากมายเพื่อปรับใช้ให้เข้ากับสภาวะบางอย่าง การล่าสัตว์ก็มีการวางแผน ซึ่งไม่เหมือนมนุษย์ Neanderthals ที่ไม่มีการวางแผน มนุษย์โครมายองจะศึกษานิสัยสัตว์ก่อนแล้วจึงไล่ล่า วิธีการล่าสัตว์อันยอดเยี่ยมของมนุษย์โครงมายองทำให้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้ง่ายมากขึ้น ข้อนี้อาจะเป็นสาเหตุให้ประชากรของมนุษย์โครมายองวิวัฒนาการในอัตราที่เร็วกว่าเล็กน้อย และในที่สุดก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่มนุษย์นีแอนเดอร์ธาล ความสามารถอันรุดหน้าในภาษาที่ใช้พูดของมนุษย์โครมายองอาจจะช่วยให้พวกเขาวางโครงการที่ยากได้มากขึ้น บางทีการร่วมมือนี้ทำให้พวกเขาได้เปรียบมนุษย์นีแอนเดอร์ธาล
แผนที่การอพยพของมนุษย์ยุคแรก
แผนที่การอพยพของมนุษย์ยุคแรก  1,600,000 - 10,000 ปี ก่อน ค.ศ.

การค้นพบใหม่ ๆ เพิ่มเติมความรู้ได้มากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์ยังทำงานต่อไปเรื่อย ๆ ในสถานที่ต่าง ๆ มากมายในแอฟริกา  การค้นพบของพวกเขาได้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดเกี่ยวกับความเข้าใจในแหล่งกำเนิดของมนุษย์ที่ยังไม่ชัดเจนและการอพยพออกจากแอฟริกาของมนุษย์ยุคแรก

ซากฟอสซิล เครื่องมือ และภาพวาดผนังถ้ำ  ซากฟอสซิลที่ค้นพบใหม่ ๆ ในประเทศชาดและเคนยา ซึ่งมีอายุระหว่าง 6 และ 7 ล้านปี มีลักษณะคล้ายลิงเอป (Ape) แต่ก็มีบางอย่างคล้ายกับมนุษย์โฮมินิด การศึกษาซากฟอสซิลเหล่านี้ยังดำเนินต่อไป แต่หลักฐานบอกเป็นนัยว่า พวกเขาอาจจะเป็นมนุษย์โฮมินิดยุคแรกสุด ขากรรไกรอายุ 2.33 ล้านปีที่ได้จากประเทศเอธิโอเปียคือซากฟอสซิลที่เก่าแก่ที่สุดอาจจะนำไปสู่การค้นพบมนุษย์ได้ เครื่องมือหินที่ค้นพบในสถานที่เดียวกันชวนให้คิดว่าการทำเครื่องมืออาจจะเริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้แต่แรก
การค้นพบใหม่ ๆ ยังเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ทราบกันแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในคริสต์ศักราช 1996 ทีมงานนักวิจัยจากประเทศแคนาดาและสหรัฐ ประกอบด้วยนักศึกษาระดับไฮสคูลจากนิวยอร์ก ค้นพบขลุ่ย (Flute) ของมนุษย์นีแอนเดอร์ธาลที่ทำด้วยกระดูกมีอายุ 43,000 ถึง 82,000 ปี การค้นพบนี้ช่วยให้ทราบถึงพรสวรรค์ของมนุษย์นีแอนเดอร์ธาลในด้านการแสดงออกทางดนตรีที่ยังไม่เคยทราบมาก่อนได้ การค้นพบภาพวาดสัตว์และมนุษย์ที่ผนังถ้ำมีอายุตั้งแต่ 35,000 ปีแรกที่ผ่านมา ให้ข้อมูลการทำกิจกรรมประจำวันและบางทีอาจจะเป็นการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาของมนุษย์เหล่านี้
ความสามารถและเครื่องมือของมนุษย์ยุคแรกสำหรับการใช้ชีวิตให้อยู่รอดและการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมมีความช่ำชองมากขึ้นตามกาลมีเวลา ความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการปฏิวัติวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์

กะโหลกศีรษะมนุษย์ Hominid
ค้นพบที่ประเทศชาด
การค้นพบในประเทศชาด  ในคริสต์ศักราช 2002 ทีมงานนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้แถลงการณ์การค้นพบกะโหลกศีรษะมีอายุ 6-7 ล้านปี ทางตอนเหนือของประเทศชาด  กะโหลกศีรษะมีขนาดเท่ากับกะโหลดศีรษะลิงชิมแปนซีสมัยใหม่ ให้สมญานามว่า Toumai หรือ ความหวังของชีวิต” เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ยุคแรกสุดดังที่ค้นพบในปัจจุบัน ตามความจริงมีอายุล้านปี แก่กว่ามนุษย์ Hominin ที่รู้จักกันมาก่อนว่าแก่ที่สุด กะโหลกศีรษะนั้นมีอายุตั้งแต่ยุคที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าบรรพบุรุษของมนุษย์แยกเผ่าพันธุ์ออกมาจากวงศ์ลิงใหญ่ เป็นกะโหลกศีรษะของมนุษย์จริง ๆ หรือของลิงใหญ่จำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างกวางขวางต่อไป


ภาพวาดผนังถ้ำ
มีการค้นพบภาพวาดผนังถ้ำ  ที่มนุษย์ยุคแรกวาดขึ้นอยู่ทุก ๆ ทวีป ที่เก่าแก่ที่สุดประมาณ 35,000 ปีที่ผ่านมา ภาพวาดผนังถ้ำในยุโรปและแอฟริกามักจะแสดงภาพการล่าสัตว์และกิจกรรมประจำวัน อีกประการหนึ่ง ในอเมริกาและออสเตรเลีย ภาพวาดมีแนวโน้มว่าจะเป็นสัญลักษณ์มากกว่าและมีความเป็นจริงน้อย
นักวิชาการไม่แน่ใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของภาพวาดผนังถ้ำ อาจจะเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับเวทย์มนตร์คาถา พิธีการล่าสัตว์ หรือไม่ก็เป็นการพยายามทำเครื่องหมายเหตุการณ์ในช่วงฤดูต่าง ๆ อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า ภาพวาดผนังถ้ำ (โดยเฉพาะที่มีความเป็นจริงมากกว่า)    อาจจะวาดสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวมนุษย์
แผนที่จุดที่ค้นพบภาพวาดผนังถ้ำ
แผนที่จุดที่ค้นพบภาพวาดผนังถ้ำ
ภาพวาดผนังถ้ำ
1. ภาพวาดผนังถ้ำที่เทือกเขา Tassili n’Ajer  ประเทศ Algeria ภาพวาดเหล่านี้มีผู้หญิง เด็ก ๆ และฝูงปศุสัตว์  Tassili n’Ajer   ตั้งอยู่ในประเทศแอลจีเรียมีภาพวาดมากกว่า 15,000 ภาพ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล  การอพยพของสัตว์ และการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของมนุษย์  ภาพวาดที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนไปประมาณ 6,000 ปีก่อน ค.ศ. ภาพวาดเหล่านี้ยังวาดมาเรื่อย ๆ จนถึงประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 2
ภาพวาดผนังถ้ำ
2.  ภาพวาดผนังถ้ำที่ถ้ำ Cuevas de las Manos ในประเทศอาร์เจนตินา ถ้ำ Cuevas de las Manos (ถ้ำมือ) ตั้งอยู่ในหุบเขาลึก Rio pinturas ทางตอนเหนือของเมือง ซานตา ครูซ (Santa Cruz) ประเทศอาร์เจนตินา ผนังถ้ำเป็นหินมีภาพวาดมือจำนวนมากมายมีสีสว่างจ้า ชนชาว Tehuelches ได้สร้างภาพวาดเหล่านี้ขึ้นระหว่าง 13,000 และ 95,000 ปีที่ผ่านมา ถ้ำนี้ลึกประมาณ 78 ฟุต และที่ทางเข้ากว้างประมาณ 48 ฟุต สูง 32 ฟุต
ภาพวาดผนังถ้ำ
3.  ภาพวาดผนังถ้ำลัสโก (Replica of Lascaux) ประเทศฝรั่งเศส ค้นพบใน ค.ศ. 1940 มีภาพวาดสัตว์และสัญลักษณ์มากกว่า 600 ภาพ ผลงานเหล่านี้น่าจะวาดขึ้นระหว่าง 15,000 และ 13,000 ปี ก่อน ค.ศ. ใน ค.ศ. 1963 ห้ามประชาชนเข้าไปในถ้ำ เนื่องจากมีผู้คนเข้าไปชมจำนวนมากมายและใช้แสงสว่างที่ไม่เป็นธรรมชาติทำลายภาพวาด คนที่เข้าไปเที่ยวชมวาดภาพขึ้นมาหลอก ๆ (วาดเลียนแบบของจริง-มือบอน) ประมาณปีละ 300,000 คน
ภาพวาดผนังถ้ำ
4. ภาพวาดผนังถ้ำคนพื้นเมืองออสเตรเลีย (Australian Aboriginal Cave Painting) ภาพวาดผนังถ้าคนพื้นเมืองนี้อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Kakadu ประเทศออสเตรเลีย คนพื้นเมืองอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 25,000 ปี ภาพวาดบรรยายถึงปลา Barramundi และจิตวิญญาณในขณะฝัน ในวัฒนธรรมพื้นเมือง เวลาฝันคือสิ่งผ่านไปแล้วที่มหัศจรรย์ ซึ่งคนสมัยโบราณสร้างขึ้นและทำให้ธรรมชาติเป็นของมนุษย์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น